กิจกรรมการเรียนการสอน
องค์ความรู้ที่ได้รับ
- อาจารย์ให้ดู DVD เรื่อง ความลับของแสง
สรุป
การเดินทางของแสง
แสงเป็นพลังงานรูปหนึ่งเดินทางในรูปเคลื่อนที่มีอัตราเร็วสูง สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่บนโลกไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีแสง แหล่งกำเนิดแสงที่สำคัญที่สุดของเรา คือ ดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ตามเราสามารถผลิตแสงได้เองเช่นกันโดยใช้ไฟฟ้า
ทำไมแสงถึงช่วยให้เรามองเห็นได้ ?
เกิดจากการที่แสงไปตกกระทบสิ่งต่างๆ แล้วเกิดการสะท้อนเข้าสู่ตาเราและผ่านเข้ามาในลูกตาไปทำให้เกิดภาพบนจอ ( Retina ) ที่อยู่ด้านหลังของลูกตา ข้อมูลของวัตถุที่มองเห็นจะส่งขึ้นไปสู่สมองตามเส้นประสาท ( optic nerve ) สมองจะแปลข้อมูลเป็นภาพของวัตถุนั้น แสงเดินทางเป็นเส้นตรงอย่างเดียว
เมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านกลุ่มควันหรือฝุ่นละอองจะเห็นเป็นลำแสงเส้นตรงและสามารถทะลุผ่านวัตถุได้วัตถุที่ยอมให้แสงเคลื่อนที่ผ่านเป็นเส้นตรงไปได้นั้นเราเรียกวัตถุนี้ว่า วัตถุโปร่งใส เช่น แก้ว อากาศ น้ำ เป็นต้น ถ้าแสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุบางชนิดแล้วเกิดการกระจายของแสงออกไปโดยรอบทำให้แสงเคลื่อนที่ไม่เป็นเส้นตรงเราเรียกวัตถุนั้นว่า วัตถุโปร่งแสง เช่น กระจกฝ้า กระดาษไข พลาสติกฝ้าย เป็นต้น ส่วนวัตถุที่ไม่ยอมให้แสงผ่านไปได้เราเรียกวัตถุนั้นว่า วัตถุทึบแสง เช่น ผนังคอนกรีต กระดาษแข็งหนาๆ เป็นต้น วัตถุทึบแสงจะสะท้อนแสงบางส่วนและดูดกลืนแสงบางส่วนไว้ทำให้เกิดเงา
ประโยชน์ของแสง
ประโยชน์ของแสงสามารถแบ่งได้เป็น 2 ทาง คือ ประโยชน์ทางตรง และ ประโยชน์ทางอ้อม
1. ประโยชน์จากแสงทางตรง เช่น การทำนาเกลือ การทำอาหารตากแห้ง การตากผ้า การฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่ม ต้องอาศัยความร้อนจากแสงอาทิตย์ การแสดงหนังตะลุง และภาพยนตร์ ต้องใช้แสงเพื่อทำให้เกิดเงาบนจอ การมองเห็นก็ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากแสงทางตรง
2. ประโยชน์จากแสงทางอ้อม เช่น ทำให้เกิดวัฏจักรของน้ำ ( การเกิดฝน ) พืชและสัตว์ที่เรารับประทานก็ได้จากการถ่ายทอดพลังงานมาจากแสงอาทิตย์
การหักเหของแสง
เมื่อแสงเดินทางผ่านวัตถุหรือตัวกลางโปร่งแสง เช่น อากาศ แก้ว น้ำ พลาสติกใส แสงจะสามารถเดินทางผ่านได้เกือบหมดเมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางชนิดเดียวกันแสงจะเดินทางเป็นเส้นตรงเสมอแต่ถ้าแสงเดินทางผ่านตัวกลางหลายตัวแสงจะหักเห
สาเหตุที่ทำให้แสงเกิดการหักเห
เกิดจากการเดินทางของแสงจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่งซึ่งมีความหนาแน่นแตกต่างกันจะมีความเร็วไม่เท่ากันด้วยโดยแสงจะเคลื่อนที่ในตัวกลางโปร่งกว่าได้เร็วกว่าตัวกลางที่ทึบกว่า เช่น ความเร็วของแสงในอากาศมากกว่าความเร็วของแสงในน้ำและความเร็วของแสงในแก้วหรือพลาสติก
การที่แสงเคลื่อนที่ผ่านอากาศและแก้มไม่เป็นแนวเส้นตรงเดียวกันเพราะเกิดการหักเหของแสงโดยแสงจะเดินทางจากตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า ( โปร่งกว่า ) ไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นมาก ( ทึบกว่า ) แสงจะหักเหเข้าหาเส้นปกติในทางตรงข้ามถ้าแสงเดินทางจากยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นมากกว่า ( ทึบกว่า ) ไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า ( โปร่งกว่า ) แสงจะหักเหออกจากเส้นปกติ
รุ้งกินน้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
รุ้งกินน้ำเกิดจากการหักเหของแสงผ่านหยดน้ำที่ล่องลอยในอากาศเมื่อเรามองด้วยตาเปล่าจะเห็นแสงอาทิตย์เป็นสีขาวแต่ในความเป็นจริงนั้นแสงอาทิตย์ประกอบด้วยแสงสีต่างๆ 7 สี ได้แก่ สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และ แดง เมื่อแสงอาทิตย์กระทบกับผิวของหยดน้ำฝนก็จะเกิดการหักเหของแสงแยกออกเป็นสีสันต่างๆ แสงแต่ละสีจะหักเหไปด้วยมุมต่างๆ กันขึ้นอยู่กับความยาวของคลื่นโดยที่แสงสีแดงมีความยาวคลื่นมากที่สุดแต่จะหักเหด้วยมุมน้อยที่สุดขณะที่แสงสีม่วงมีความยาวคลื่นสั้นที่สุดจะหักเหมากที่สุด รุ้งกินน้ำที่เกิดจากการสะท้อนของแสงแดดจากหยดน้ำในก้อนเมฆที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าโดยที่แสงสีแดงจะอยู่บนสุดสีม่วงจะอยู่ล่างสุด
รุ้งกินน้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
รุ้งกินน้ำเกิดจากการหักเหของแสงผ่านหยดน้ำที่ล่องลอยในอากาศเมื่อเรามองด้วยตาเปล่าจะเห็นแสงอาทิตย์เป็นสีขาวแต่ในความเป็นจริงนั้นแสงอาทิตย์ประกอบด้วยแสงสีต่างๆ 7 สี ได้แก่ สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และ แดง เมื่อแสงอาทิตย์กระทบกับผิวของหยดน้ำฝนก็จะเกิดการหักเหของแสงแยกออกเป็นสีสันต่างๆ แสงแต่ละสีจะหักเหไปด้วยมุมต่างๆ กันขึ้นอยู่กับความยาวของคลื่นโดยที่แสงสีแดงมีความยาวคลื่นมากที่สุดแต่จะหักเหด้วยมุมน้อยที่สุดขณะที่แสงสีม่วงมีความยาวคลื่นสั้นที่สุดจะหักเหมากที่สุด รุ้งกินน้ำที่เกิดจากการสะท้อนของแสงแดดจากหยดน้ำในก้อนเมฆที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าโดยที่แสงสีแดงจะอยู่บนสุดสีม่วงจะอยู่ล่างสุด
My Map
ทักษะที่ได้รับ
- การได้ดู DVD และสรุปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสื่อที่อาจารย์ให้ดูเรื่อง ความลับของแสง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น